วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2561

1.เขาหน่อ - เขาแก้ว นครสวรรค์ จุดชมวิวสวยสุดท้าทาย

ท้าทายความสูง ปีนป่ายยอดเขาพิชิตยอดเขาหน่อ - เขาแก้ว จังหวัดนครสวรรค์ จุดชมวิวสวย ๆ ของเมืองไทยที่ไม่ควรพลาด เป็นแหล่งท่องเที่ยวผจญภัยที่สามารถเที่ยวได้ในวันหยุด

          ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าในจังหวัดนครสวรรค์จะมีแหล่งท่องเที่ยวเจ๋ง ๆ แอบซ่อนตัวอยู่ด้วย เพราะเขาหน่อ - เขาแก้ว เป็นยอดเขาหินปูนสุดท้าทาย ที่ต้องปีนป่ายไต่บันไดสูงชันขึ้นไปยังจุดชมวิวสูงบนยอดเขา ซึ่งสามารถมองเห็นท้องไร่ท้องนาของชาวบ้านได้ไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นวิวสวยแบบพาโนรามาที่ทำเอานักท่องเที่ยวต้องร้องว้าวแทบทุกคน

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์

          เขาหน่อ - เขาแก้ว เป็นกลุ่มยอดเขาหินปูนรูปทรงสวยงามแปลกตา สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนบนถนนพหลโยธิน ช่วงนครสวรรค์ - กำแพงเพชร ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์

          พื้นที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เพราะครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสเขาหน่อ โดยเสด็จฯ ภาคเหนือทางชลมารคผ่านแม่น้ำปิง เมื่อปี พ.ศ. 2449 ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 ได้พระราชทานสิ่งของให้แก่หลวงพ่อแหยม วัดบ้านแดน อีกด้วย

          เขาหน่อ ถูกแยกออกจากเขาแก้วโดยถนนท้องถิ่น ในส่วนของเขาหน่อนั้นจะแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์
ภาพจาก ททท.

          1. เขานางพันธุรัต จะเป็นภูเขาหินปูนลูกเล็ก สามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้ โดยมีขั้นบันไดเพียงแค่ประมาณ 60 ขั้น ด้านบนมีถ้ำขนาดเล็ก มีพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่และพระพุทธรูปองค์เล็กอยู่ด้านหน้า นักท่องเที่ยวสามารถมาไหว้ขอพรกันได้

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์

          2. เขาพระพุทธบาท เป็นภูเขาลูกใหญ่ ห่างจากเขานางพันธุรัตประมาณ 300 เมตร มีทางบันไดปูนประมาณ 700 ขั้น ให้เดินขึ้นไปชมวิวด้านบนเขา ซึ่งเขาลูกนี้นี่เองที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ เพราะทางเดินที่ขึ้นไปยังยอดเขานั้นค่อนข้างสูงชัน แม้ว่าทางเดินจะเป็นปูนก็ตาม แต่บางช่วงก็ชันราว ๆ 90 องศาเลยทีเดียว และยังเป็นเหมือนกับการไต่หน้าผา ใครกลัวความสูงอาจจะไม่เหมาะนัก แต่ถ้าใครชอบความท้าทายและการผจญภัย ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ปีนเขาที่เยี่ยมเลยทีเดียว

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์
ภาพจาก onep.go.th

          ด้านบนของที่นี่จะเป็นจุดชมวิวสูง สามารถมองเห็นทุ่งนาและไร่สวนของชาวบ้านได้ไกลสุดลูกหูลูกตา รวมทั้งยอดเขาแก้วที่อยู่อีกฝั่งด้วย นอกจากนี้ยังมีรอยพระพุทธบาทให้ได้กราบไหว้ขอพร รวมทั้งระฆังอีกหลายลูก ที่เมื่อตีแล้วเสียงจะดังก้องกังวานไปทั่วเลย โดยรวม ๆ แล้วใช้เวลาเดินขึ้น-ลงประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง แล้วแต่ความแข็งแรงของร่างกายแต่ละคน ควรเตรียมน้ำและยาดมติดตัวไปด้วย

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์
ภาพจาก ททท.

เขาหน่อ เขาแก้ว นครสวรรค์

          เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของบริเวณลานจอดรถเขาหน่อก็คือฝูงลิงนับร้อยตัว ที่จะออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวกันทันทีที่มาถึงบริเวณลานจอดรถของเขาหน่อแก้ว

          ส่วนเขาแก้วจะมีถ้ำอยู่หลายถ้ำ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาสัยของค้างคาวนับหมื่นนับแสนตัว ในช่วงเย็นฝูงค้างคาวเหล้านี้ก็จะพากันบินออกมาเป็นขบวนยาวจากปากถ้ำเพื่อออกไปหากิน โดยองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านแดนได้จัดทำศาลานั่งชมค้างคาวไว้ให้นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งมีร้านอาหารให้บริการด้วย

          สำหรับเขาหน่อ - เขาแก้ว สามารถเที่ยวได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลบ้านแดน โทรศัพท์ 0 5627 9320

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ททท.onep.go.th

3.วัดคีรีวงศ์ นครสวรรค์

วัดคีรีวงศ์ ตั้งอยู่ถนนมาตุลีและถนนดาวดึงส์ ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์และ บริษัทถาวรฟาร์ม ในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มีพื้นที่ของวัดทั้งบนเขาและที่ราบ ประมาณ ๓๒๐ ไร่
มีลักษณะเป็นภูเขา ด้านเหนือด้านตะวันออกและด้านตะวันตกเป็นภูเขา มีทางเข้าด้าน ทิศใต้ทางเดียว มีลักษณะคล้ายฮวงจุ้ย เดิมชื่อเขาใหญ่ ปัจจุบันชื่อ เขาดาวดึงส์ เพราะตั้งอยู่ ตรงถนน ดาวดึงส์และอยู่เมืองนครสวรรค์
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ พระธุดงค์ได้มาปักกลดอยู่บริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ได้พบวัตถุโบราณ เช่น อิฐเก่า ใบเสมาเก่า พระพุทธรูปเก่าและฐานอุโบสถเก่า เป็นต้น สงสัยว่าจะเป็นวัดร้างจึงได้ แจ้งให้กรมการศาสนาทราบและได้ชักชวนประชาชน สร้างกุฎิเล็ก ๆ ที่เชิงเขา ๔-๕ หลังสมัยนั้นยังกันดารไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๗ กรมการศาสนา ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นมาสำรวจรังวัดจากหลักฐานวัตถุ โบราณและจากการบอกเล่า ของคนเก่าแก่ที่เคยทำไร่อยู่บริเวณวัดคีรีวงศ์ ยืนยันว่าบริเวณนี้เป็นวัดร้างจริงและพบบ่อกรุน้ำซึมด้วยกรมการศาสนา สมัย พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ เป็นอธิบดีกรมการ ศาสนา ได้สำรวจรังวัดและทำแผนที่ไว้ได้พื้นที่วัดทั้งบนเขาและที่ราบประมาณ ๒๘๐ ไร่
พ.ศ. ๒๕๐๘ คณะกรรมการผู้ริเริ่มสร้างวัดคีรีวงศ์ ซึ่งมีนายเปงซ้ง แซ่ตั้ง เป็นหัวหน้าได้ ไปขอพระสงฆ์จากเจ้าคณะ อำเภอเมืองฯ ที่วัดนครสวรรค์ เพื่อมาสร้างวัดคีรีวงศ์
คณะสงฆ์ได้ส่งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.๕ หรือ พระเดชพระคุณพระราชพรหมาจารย์ วิ. ซึ่งจำพรรษาอยู่วัดนครสวรรค์ ให้มาสร้างวัดคีรีวงศ์
วันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ คณะสงฆ์ส่งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร มาอยู่วัดคีรีวงศ์ ซึ่งขณะนั้นมีกุฎิเล็กๆอยู่เชิงเขา ๔-๕ หลัง ไม่มีไฟฟ้าใช้
พ.ศ. ๒๕๑๐ เริ่มตั้งศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ขึ้นที่วัดคีรีวงศ์ โดยจัดให้มีการประชุม ฟังธรรม ปฎิบัติธรรม ทุกวันอาทิตย์
พ.ศ. ๒๕๑๑ กรมการศาสนา ได้ดำเนินการทางศาล กับผู้ที่ครอบครองที่บริเวณวัดคีรีวงศ์
พ.ศ. ๒๕๑๗ กรมการศาสนาชนะคดีชั้นศาลฎีกา โดยศาลชี้ขาดว่าในบริเวณแผนที่ซึ่งกรมการศาสนาได้สำรวจรังวัด ไว้ เป็นวัดร้างจริง
พ.ศ. ๒๕๑๘ เจ้าคณะอำเภอเมืองนครสวรรค์ เสนอเรื่องขอยกวัดคีรีวงศ์เป็นวัดมีพระสงฆ์ ตามกฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๑๔
พ.ศ. ๒๕๑๙ กระทรวงศึกษาธิการประกาศยกฐานะวัดคีรีวงศ์ ์เป็นวัดมีพระสงฆ์ถือว่าเป็น วัดโดยสมบูรณ์
พ.ศ. ๒๕๑๙ เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้แต่งตั้งพระมหาบุญรอด ปญฺญาวโร ป.ธ.๕ เป็นเจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์
พ.ศ. ๒๕๒๑ ทางวัดจัดงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต อุโบสถ
พ.ศ. ๒๕๓๕ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศยกย่องวัดคีรีวงศ์ เป็นวัดพัฒนา ตัวอย่าง
พ.ศ. ๒๕๓๖ กรมการศาสนา ประกาศยกย่องวัดคีรีวงศ์ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น
พ.ศ. ๒๕๓๑ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพระนักเผยแผ่พระพุทธศาสนา ณ วัดคีรีวงศ์ โดยมีพระครูพรหมญาณวิกรมเป็นประธานศูนย์ฯอำนวยการฝึก อบรมและได้อบรมพระนักเผยแผ่ฯ ไปแล้วทั่วประเทศ จำนวน ๔๐ รุ่น ๆ ละ ๑๕ วัน
พ.ศ. ๒๕๓๓ กรมการศาสนา จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ณ วัดคีรีวงศ์ โดยมี พระครูพรหมญาณวิกรม เป็นประธานฝึกอบรม ได้อบรมไปแล้ว ๑๘ รุ่น ๆ ละ ๑๕ วัน
พ.ศ. ๒๕๑๕ - ปัจจุบัน ได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมศีลจารินี คือ บวชสตรีนุ่งขาว ใส่ขาว ไม่โกน ผม รักษาศีล ๘ รับประทานอาหารมังสะวิรัติ เพื่ออบรมธรรมะและเจริญภาวนา ได้จัด อบรมปีละ ๓ ครั้ง ขณะนี้อบรมไปแล้ว ๑๒๔ ครั้ง
กำหนดการบวชศีลจารินีประจำปี
๒๔ - ๓๐ มีนาคม ของทุกปี
๒๐ - ๒๔ สิงหาคม ของทุกปี
๒ - ๖ ธันวาคม ของทุกปี

พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมจริยธรรม คุณธรรม นักเรียน นักศึกษา ณ วัดคีรีวงศ์ ได้อบรมไปแล้ว ๒๕ รุ่น ประมาณ ๑๒,๕๐๐ คน
วัดคีรีวงศ์ เป็นที่ตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จังหวัดนครสวรรค์ ในความอุปถัมภ์ของ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
วัดคีรีวงศ์ เป็นที่ตั้งอุทยานการศึกษา ของจังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้จัดตั้งศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ. ๒๕๔๔ มหาเถรสมาคม มีมติตั้งวัดคีรีวงศ์ เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด แห่งที่ ๑
พ.ศ. ๒๕๔๗ จังหวัดนครสวรรค์ ประกาศเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม
สถานที่สำคัญ
๑. อุโบสถ เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ มีสมเด็จพระพุทธโคดม จำลอง ขนาดหน้าตัก ๔ ศอก ๙ นิ้ว เป็นพระประธาน โดยเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต หรือสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น) ปุณฺณสิริ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ และเททองหล่อพระประธาน ณ วัดคีรีวงศ์ พ.ศ. ๒๕๑๕ และที่ฝาผนังอุโบสถ มีภาพวาด พระเจ้า ๑๐ ชาติ ภาพพุทธประวัติ ปางแสดงปฐมเทศนา และปางแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
๒. ศาลาพุทธานุภาพ เป็นศาลาทรงไทย ๓ มุข ขนาดกว้าง ๑๓ วา ยาว ๓๓ วา และมีมุขด้านหน้าเนื้อที่ ๔๐ ตารางวา มีเนื้อที่ ตั้งอาคาร ๔๖๙ ตารางวา สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ ใช้เป็นสถานที่บวชศีลจารินี ปีละ ๓ ครั้ง รองรับคนบวชได้ ประมาณ ๒,๕๐๐ คน เป็นที่ ประชุมคณะสงฆ์, อบรมข้าราชการ,นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป วันพระใช้เป็นที่ทำบุญ วันธรรมดา ใช้เป็นที่ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น ภายในศาลา วาดรูปพุทธประวัติ รูปพระเวสสันดร ๑๓ กัณฑ์ วาดรูปพระเถระองค์ที่สำคัญในประเทศไทย เช่น หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ, หลวงปู่แหวน, หลวงปู่มั่น เป็นต้น
ด้านหลังวาดรูปพระราชลัญจกร ๙ รัชกาล ด้านข้างศาลาทิศตะวันตก วาดภาพพุทธประวัติ ด้านเหนือวาดรูปธรรมจักร ตรงกลางและพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงและธงชาติ
ทิศตะวันตก วาดภาพสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล ด้านตะวันออกวาดรูปพระเถระผู้ทรงคุณ-ธรรม ด้านต่าง ๆ และวาดรูปพระเวสสันดร
สำหรับศาลาพุทธานุภาพหลังนี้ สร้างไว้เพื่อใช้เป็นที่ประชุมอบรมศีลจารินี เป็นที่ประชุม พระสงฆ์ นักเรียน นักศึกษา และข้าราชการ สามารถรองรับผู้เข้าประชุม ประมาณ ๒,๐๐๐ คน โดยจัดอบรมศีลจารินีปีละ ๓ ครั้ง ๆ ละ ๗ วันและการประชุม สัมมนาอบรมพัฒนาจิตใจข้าราชการ ตำรวจและนักเรียน นักศึกษา ทุกเดือน ๆ ละหลายครั้ง

๓. โรงเรียนคีรีวงศ์วิทยา ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของวัด เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์ ๓ ชั้น มี ๓ มุข ยาว ๕๒ เมตร กว้าง ๑๔ เมตร ชั้น ๑ เป็นห้องประชุม ชั้น๒-๓ เป็นห้องเรียน โดยเป็นที่เรียนนักธรรม,บาลี และพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา มี ม.๑ - ๖ ปัจจุบันมีนักเรียน ๑๓๐ รูป

๔. ศาลาบำเพ็ญบุญ ใช้เป็นที่จัดเลี้ยง ผู้เข้าประชุมหรือผู้มาบวชศีลจารินี สามารถรองรับคน ได้ประมาณ ๒,๐๐๐ คน
๕. สวนปฎิบัติธรรมโพธิญาณ สวนปฎิบัติธรรมลานโพธิ์ และสวนปฎิบัติธรรมร่มไทร ใช้เป็นสถานที่เดินจงกรมและนั่งสมาธิที่สนามหญ้า หรือใต้ต้นไม้
๖. สำนักกรรมฐานอุบาสิกา มี ๒ ส่วน คือ สำนักล่างและสำนักบน มีกุฎิกรรมฐาน ประมาณ ๑๐๐ หลัง
๗. วิหารหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ เป็นวิหารใหญ่ ตั้งอยู่ในสำนักกรรมฐานอุบาสิกา เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ ปูนปั้น หน้าตัก ๔ ศอก ๙ นิ้ว ทาทองน้ำสีเหลืองเป็นที่สิง สถิตย์ของเทพย์ที่เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ ผู้ขอพรได้รับความสำเร็จขายที่ได้จึงสร้างวิหารถวาย ขนาดกว้าง ๑๖ เมตร ยาว ๓๐ เมตรและสองข้างหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จ พระพุทฒาจารย์ (โต) และรูปหล่อหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

 
๘. พระพุทธชินสีห์ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง ๕ วา ๙ นิ้ว เป็นลักษณะผสมเชียงแสน สุโขทัยและรัตนโกสินทร์ คือ ขัดสมาธิเพชร, เกตุดอกบัวตูม สังฆาฏิสั้น แบบพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน พระพักตร์ ส่วนองค์และพระพาหาเป็นสมัยสุโขทัย ส่วนแท่นพระเป็นสมัยรัตนโกสินทร์ พระพุทธรูปใหญ่บนยอดเขานี้ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔ โดยนายชุณห์สีห์ นางปราณีอโนดาต เป็นเจ้าภาพสร้างถวาย
ปีพ.ศ. ๒๕๒๕ มีงานบวชศีลจารินีและสมโภชพระพุทธชินสีห์ โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (วาสน์ วาสโน) สมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิตร กรุงเทพมหานคร เสด็จเป็นองค์ประธาน สมโภชและจุดเทียนไชยพุทธาภิเษก
๙. วิมานอโนดาต เป็นวิมาน ๔ มุข ตั้งอยู่หลังพระพุทธชินสีห์บนยอดเขาดาวดึงส์ เป็นของ ตระกูลอโนดาต ผู้สร้างพระพุทธชินสีห์ถวายวัดคีรีวงศ์
๑๐. ถนนพระจุฬามณีเจดีย์ เป็นถนนขึ้นเขาดาวดึงส์ ระยะทางประมาณ ๑,๘๐๐ เมตร ทางวัดสร้างและลาดยาง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓ โดยนายสำราญ นางบุญชู จงเศรษฐี สนับสนุนรถแมคโคร
พ.ศ. ๒๕๕๑ เทศบาลนครนครสวรรค์ โดยนายจิตตเกษม นิโรจน์ นายกเทศมนตรีนครนครสวรรค์ ได้ดำเนินการ
ของบประมาณดำเนินการทำถนนคอนกรีตขึ้นเขาดาวดึงส์ และปรับปรุงภูมิทัศน์ ด้วยงบประมาณ ๕๔ ล้านบาท

๑๑. พระจุฬามณีเจดีย์ ตั้งอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ วัดคีรีวงศ์ สร้างตรงฐานพระเจดีย์เก่าซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ ๑๙ ปลายกรุงสุโขทัย ประมาณ ๖๐๐ ปีมาแล้ว
พระจุฬามณีเจดีย์ สร้างเป็น ฐาน ๔ เหลี่ยม หมายถึง มหาสติปัฏฐาน ๔ สูง ๔ ชั้น หมายถึง อริยสัจ ๔ พระเจดีย์มี ๕ องค์ คือ องค์ใหญ่ อยู่กลาง พระเจดีย์เล็กอยู่ ๔ มุม หมายถึง พละธรรม ๕ หรือ อินทรี ๕ คือ สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา พระเจดีย์ใหญ่ เปรียบด้วยสติ เพราะสติเป็นใหญ่ เป็นประธาน ของธรรมะทั้งหลาย ส่วนพระเจดีย์เล็ก ๔ องค์ เปรียบด้วยธรรมะ ๔ อย่าง คือ สัทธาคู่กับปัญญา วิริยะคู่กับ สมาธิ ฐานพระเจดีย์ ตอนบนเป็น ๔ เหลี่ยม เปรียบด้วยอิทธิบาทธรรม ๔ คือ ฉันทะ พอใจทำดี วิริยะ เพียรทำดี จิตตะ สนใจทำดี วิมังสา เข้าใจทำดี
ปล้องไฉนขององค์พระเจดีย์ ที่มองเห็นเป็นปล้องๆ มี ๒๖ ปล้อง เปรียบด้วย สุคติภูมิ ๒๖ ชั้น คือ สวรรค์ ๖ ชั้น รูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหม ๔ ชั้น รวมเป็น ๒๖ ชั้น
ส่วนยอดสูงสุดของพระเจดีย์ มีลักษณะกลมนั้น เปรียบด้วย พระนิพพานความดับสิ้นเชิงแห่งกองทุกข์ ส่วนที่คอระฆัง มีลักษณะรูประฆัง เปรียบด้วยระฆัง ที่มีไว้สำหรับตีประกาศให้ทำความดี หรือ ประกาศเชิญชวน ให้มาสร้างกุศลปฏิบัติธรรม
เมื่อผู้ใดมองเห็นพระเจดีย์แล้ว จะเตือนใจให้คนมาไหว้ พระเจดีย์ มาสร้างบุญบารมี จะได้ไปสู่สุคติภูมิ หรือบรรลุพระนิพพาน
อนึ่ง พระเจดีย์ ได้นามว่า พระจุฬามณีเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์ บนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ เพราะเขาลูกนี้ตั้งชื่อว่า เขาดาวดึงส์ เนื่องจากอยู่ตรงถนนดาวดึงส์ และอยู่เมืองนครสวรรค์ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) วัดมหาธาตุฯ กรุงเทพฯ ตั้งชื่อให้ และแนะนำให้ สร้างพระจุฬามณีเจดีย์ ไว้บนยอดเขาภายใน องค์พระเจดีย์ชั้น ๔ มีพระพุทธรูป จำลอง ที่สำคัญของประเทศไทย ไว้ให้สักการะบูชา ๔ องค์ คือ

๑. พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) อยู่ทิศใต้
๒. พระพุทธชินราช (จำลอง) อยู่ด้านทิศเหนือ
๓. พระพุทธโสธร (จำลอง) อยู่ด้านทิศตะวันออก
๔. พระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง (จำลอง) อยู่ทางทิศตะวันตก และภายในโดมเจดีย์ ได้วาดภาพจิตรกรรมฝาผนัง เกี่ยวกับพุทธประวัติไว้ให้ชมด้วย 

ด้านนอกเจดีย์ ชั้นบน มีพระพุทธรูป ปางประทานพร ขนาดหน้าตัก ๖๐ นิ้ว ๔ องค์ เปรียบด้วยจตุพิธพร ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ
เมื่อขึ้นไปที่ฐานพระเจดีย์ชั้น ๔ จะมองเห็นทิวทัศน์ เมืองนครสวรรค์ไกลออกไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร หากมองไปทางทิศตะวันออกจะมองเห็นเขากบ บึงบรเพ็ด ตลาดปากน้ำโพ มองไปทางทิศใต้จะเห็น อุทยานสวรรค์ ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ และเขาจอมคีรีนาคพรตมองไปทางทิสตะวันตก จะเห็นภูเขาน้อยใหญ่ มีภูเขาหลวงเป็นฉากกั้น สวยงาม เมื่อยามพระอาทิตย์จะตกลับขอบฟ้ามองไปทางทิศเหนือ จะเห็นแม่น้ำปิง และทิวทิศน์ความจริง แม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกันที่ปากน้ำโพ มีเพียง ๒ สาย เท่านั้น คือ แม่น้ำปิงกับแม่น้ำน่าน
ส่วนแม่น้ำยม ไหลผ่านจังหวัดสุโขทัย, พิจิตร มาบรรจบแม่น้ำน่านที่ ต. เกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ แม่น้ำวัง ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิง ที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก ตั้งแต่จังหวัดตาก, กำแพงเพชร เรียกแม่น้ำสายนี้ว่า แม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน ก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่อุตรดิตถ์, พิษณุโลก พิจิตร ชุมแสง มาถึงปากน้ำโพ เรียกแม่น้ำสายนี้ว่า แม่น้ำน่าน เพราะต้นน้ำเกิดที่จังหวัดน่าน มองไปทางทิศตะวันตก จะเห็นสมเด็จพระพุทธชินสีห์ บนเขาดาวดึงส์ หน้าตัก ๕ วา ๙ นิ้ว และทิวทัศน์ภูเขาต่าง ๆ เช่น เขาหลวง เป็นต้น

๑๒.วัดคีรีวงศ์ มีสวนปฏิบัติธรรม สำหรับเดินจงกรมโดยรอบ และนั่งสมาธิหลายแห่ง ข้างล่างมีสวนปฏิบัติธรรมลานบุญ, สวนปฏิบัติธรรมร่มไทร, สวนปฏิบัติธรรมโพธิญาณ, ลานปฏิบัติธรรมวิกรมมุนี, อุทยานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ , สวนปฏิบัติธรรมพรหมญาณ ๓, สวนปฏิบัติธรรมพรหมญาณ ๔ บนเขาดาวดึงส์ มี ๑ สวน คือ สวนปฏิบัติธรรมพรหมญาณ
๑๓.ศาลเจ้าพ่อปัญจะคีรี อยู่ทางทิศตะวันออกของพระจุฬามณีเจดีย์
๑๔.วิหารท้าวพระยานาคา อยู่ข้างศาลาพุทธานุภาพ
๑๕.ห้องสมุดพุทธชินวงศ์ อยู่หน้าศาลาพุทธานุภาพ
๑๖.หอประชุมธรรมานุภาพ ใช้เป็นที่อบรม และเป็นที่พักผู้เข้าอบรมและปฎิบัติธรรม
๑๗.ผู้จะไปวัดคีรีวงศ์ จะสังเกตุเห็นพระประทานพรองค์ใหญ่หน้าวัดคีรีวงศ์และพระจุฬามณีเจดีย์ บนยอดเขาดาวดึงส์ ซึ่งมองเห็นจาก ๔ ทิศ ระยะ ๑๐ ก.ม.
๑๘.วัดคีรีวงศ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษา ๑๒๖ รูป แบ่งการปกครอง ออกเป็น ๘ คณะ มีเรียนนักธรรม,บาลีและพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
๑๙.งานประเพณีตักบาตรเทโว หน้าพระจุฬามณีเจดีย์ บนยอดเขาดาวดึงส์ วัดคีรีวงศ์ ตรงกับวันแรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ของทุกปี
๒๐. ลำดับเจ้าอาวาส
๑. พระราชพรหมาจารย์ วิ. (บุญรอด ปญฺญาวโร) พ.ศ.๒๕๐๘-๒๕๖๐ ปฐมเจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ ผู้สร้างวัดคีรีวงศ์ จากวัดร้างจนเป็นวัดมีพระสงฆ์ และสร้างพระจุฬามณีเจดีย์ (มรณภาพ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๐)
๒๑.วัดคีรีวงศ์ พ.ศ.๒๕๖๐ มีพระครูนิยมกิจจานุกิจ (อัครเดช สุรเตโช) เป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์
 ๒๒.วัดคีรีวงศ์ มีนโยบายหลักอยู่ ๔ ประการ คือ 
๑. ส่งเสริมการศึกษาของพระภิกษุสามเณร
๒. ส่งเสริมการปฎิบัติกรรมฐานของพระภิกษุสามเณรและประชาชน
๓. ส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
๔. ส่งเสริมการพัฒนาวัดให้สะอาด ร่มรื่นสวยงาม
ข้อมูลจากhttp://www.watkiriwong.net



2.บึงบอระเพ็ด น้ำใส บัวสวย ด้วยชุมชนสีเขียว

  
 หากนึกถึง "จังหวัดนครสวรรค์" อาจหมายถึงเทศกาลตรุษจีนเพียงอย่างเดียว แต่เดี๋ยวนี้คงไม่ใช่ เพราะ อบจ.นครสวรรค์ ได้เนรมิตสถานที่ท่องเที่ยวเก่าให้เป็นแห่งใหม่ และยิ่งใหญ่กว่าเดิม เป็นที่เชิดหน้าชูตาของชาวปากน้ำโพ แวดล้อมไปด้วยการสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานที่เพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด

          นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือที่ "ท่าเรือบึงบอระเพ็ด" ลงไปกลางบึงเพื่อดูนกนานาชนิด ทัศนียภาพ และยังมีกิจกรรมสำหรับครอบครัวมากมาย อาทิ การแสดงจระเข้ ละครลิงคุณประกิต ที่สำคัญไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก ด้วยระยะทางเพียงสองสามเก้า (ระยะทางจากกรุงเทพฯ-นครสวรรค์ 239 กิโลเมตร) ก็ถึงที่หมาย

          ก่อนจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวขอเล่าว่า บึงบอระเพ็ด แห่งนี้อยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ มีพื้นที่ขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 130,000 ไร่ มีพื้นที่เชื่อมต่อกันถึง 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองฯ, ชุมแสง และท่าตะโก หรือที่นิยมเรียกกันในนาม "จอมบึง" เป็นพื้นที่ราบลุ่ม แวดล้อมไปด้วยป่าไม้เบญจพรรณอันอุดมสมบูรณ์ มีลำคลองเล็ก ๆ ไหลผ่าน และประกอบไปด้วยหนองน้ำหลายแห่ง ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด ทั้งพันธุ์ปลาชนิดต่าง ๆ จระเข้ กุ้งก้ามกราม และตะพาบน้ำ มีสัตว์น้ำจืดที่อาศัยอยู่ประมาณ 140 ชนิด พันธุ์พืชต่าง ๆ มากมาย

          เมื่อมองไปบนท้องฟ้าอันโปร่งใสในพื้นที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยเหล่านกที่บินโฉบเฉี่ยวไปมาเพื่อหาอาหารที่อยู่บนผิวน้ำ บึงบอระเพ็ดแห่งนี้มีนกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ เช่น อีโก้, อีแจว, ปากห่าง และอีกกว่า 40 ชนิด ยังมีนกที่จะอพยพเข้ามาอยู่ในบางฤดูกาล เช่น นกเป็ดน้ำ จะอพยพมาอาศัยอยู่ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ซึ่งมีสีสันสวยงามมาก ทางจังหวัดจะจัดเทศกาลที่เรียกว่า "เย็นดูดาวเช้าดูนก"

          สถานที่แห่งนี้มาแล้วสามารถผ่อนคลายสบายใจ พักผ่อนบนอากาศที่โปร่งใสบริสุทธิ์ ในบริเวณพื้นที่บึงขนาดใหญ่แห่งนี้ เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าดูน่าชมและน่าเข้ามาสัมผัสในหลายด้าน เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี หากใครมาที่นี่พลาดไม่ได้กับเส้นทางนั่งเรือท่องเที่ยว ชมความหลากหลายทางชีวภาพของบอระเพ็ด

          จุดแรกที่เรานั่งเรือผ่านเห็นก็คือ "สถานีประมง" เป็นสถานีประมงน้ำจืดแห่งแรกของประเทศไทย ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น "ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดนครสวรรค์" ต่อมาคือ "พระตำหนักแพ" ที่สร้างขึ้นครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐาน ระหว่างทางเราได้เห็นนกน้ำนานาชนิด เห็นปลากำลังฮุบเหยื่อ และพืชน้ำชนิดต่าง ๆ ซึ่งคนขับเรือทำหน้าที่เป็นไกด์ อธิบายสิ่งที่พบเห็นให้เราฟังตลอดทาง พร้อมกับบอกว่า เวลานั่งเรือดูนก ไม่ส่งเสียงดัง ไม่ห้อยโหนกราบเรือ และไม่ทิ้งขยะลงในบึง อันเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการท่องเที่ยวแบบใหม่ "7 Greens Concept" ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ที่มุ่งรักษาธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม


          เราจอดเรือดูนกพักใหญ่ ๆ มองเห็นนกกำลังบินเห็นเหยี่ยวกำลังบินโฉบผิวน้ำ เห็นรังนกเยอะแยะ มีลูกนกเล็ก ๆ อยู่ในรังด้วย ดงดอกบัว จะออกดอกสวยงาม และหลังจากนั่งเรือจะอิ่มกับธรรมชาติ ก็สามารถไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ถ้าอยากเล่นกีฬาทางน้ำ ทางบึงเขาก็จัดพื้นที่ไว้ใช้ในการเล่น เช่น การเล่นเจ็ตสกี, พายเรือคายัก หรือมาทางด้านบนสนามริมฝั่ง ก็จัดสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น การเล่นฟิตเนส ที่จัดอุปกรณ์ไว้ให้บริการหลายรูปแบบ, วิ่งรอบสนาม เหมาะสำหรับในยามเย็นและยามเช้า ที่จะมาออกกำลังกายภายใต้ธรรมชาติและอากาศที่บริสุทธิ์

          ริมบึงเต็มไปด้วยหาดทรายสีขาวละเอียด ที่ทอดยาวไปหลายกิโลเมตร แลดูสวยงามสะอาดตา และปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ทางด้านบนหาดทราย ที่คอยให้ร่มเงาเรียงรายตลอดชายหาด ลงไปทางด้านพื้นน้ำเจ้าหน้าที่ได้จัดพื้นที่สำหรับเล่นน้ำ โดยจำกัดพื้นที่ในการเล่นให้เห็นอย่างชัดเจน โดยใช้ทุ่นลอยกั้นเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ออกไปเล่นน้ำในพื้นที่อันตราย นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดเวลาบริเวณริมน้ำ เรียกว่าเล่นน้ำสนุกปลอดภัย

          ด้านบนของชายหาดเต็มไปด้วยร้านขายอาหารเครื่องดื่ม เรียงเป็นแถวยาวตลอดแนวชายหาด ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับที่นั่งพักผ่อน จะสั่งอะไรก็ร้องเรียกได้เลย อาหารก็เป็นอาหารยอดนิยม เช่น ปลาเผา, กุ้งเผา, ไก่ย่างส้มตำ, หอยทะเลย่างหรือลวก และเขาบริการจัดส่งถึงที่และรวดเร็วทันใจ หรือจะขึ้นไปทางด้านบน ตรงลานจอดรถที่จัดไว้อย่างกว้างขวาง ก็มีร้านอาหารไว้คอยบริการประมาณ 10 ร้าน มีเมนูอาหารให้ชิมมากมาย โดยเฉพาะประเภทปลาน้ำจืด หรืออยากทานแบบบรรยากาศเหนือน้ำ ภายในริมบึงก็มีแพร้านอาหารไว้คอยบริการด้วย (ร้านแพบึงบอระเพ็ด) อยากทานแบบไหนเลือกได้เลย มีให้เลือกอย่างครบครัน

บึงบอระเพ็ด

          หลังจากอิ่มท้องแล้วต้องมาเดินย่อย โดยจะเห็นเรือลำใหญ่จอดอยู่บนบก ไม่ต้องแปลกใจว่าสถานที่แห่งนี้เคยเกิดสึนามิ แต่เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามและยิ่งใหญ่ ที่นี่คือ "อาคารจัดแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืด" ภายในมีปลาน้ำจืดที่จัดแสดงภายในอุโมงค์ปลาขนาดใหญ่ ที่ทอดยาวมีปลามากกว่า 50 ชนิด ปลาน้ำจืดเกือบทุกชนิดได้ถูกนำมารวมกันไว้ที่นี่ เพื่อศึกษาวิจัยและจัดแสดงให้กับคนทั่วไปได้ศึกษา และดูเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น ปลาช่อน, ปลาดุก, ปลาเทโพ, ปลาบึก, ปลาม้า, ปลาแดง, ปลาช่อนอเมซอน, ปลาหัวเสียม, ปลาฝนน้ำ และอีกมากมาย เรียกได้ว่ามาที่นี่แล้วได้เห็นพันธุ์ปลาต่าง ๆ มากมายอย่างใกล้ชิด และตัวเป็น ๆ ภายในอาคารยังจัดห้องสำหรับบริการของที่ระลึก ที่เกี่ยวกับบึงบอระเพ็ด มีสินค้าให้เลือกมากมายหลายชนิดหลายราคา เลือกซื้อได้เลย อากาศภายในอาคารเย็นสบายมาก ๆ แถมเพลิดเพลินดูปลาซื้อหาของฝากกลับบ้าน

          หากใครต้องการค้างแรม ทางด้านหน้าบริเวณชายหาดที่เล่นน้ำก็มีอาคารบ้านพักแบบเรือนไทย ทำไว้อย่างสวยงาม และยังคงอนุรักษ์บ้านแบบไทย ๆ ไว้ ด้านหน้าบ้านมีลานสำหรับกางเต็นท์ ดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น และสูดบรรยากาศที่บริสุทธิ์ในยามเช้าตรู่

          บึงบอระเพ็ด ทุกวันนี้ยังเป็นสถานีเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุด น้ำในบึงใสแจ๋ว แค่เอามือวักขึ้นมาก็เย็นชื่นใจ มองไปสุดตาเห็นดอกบัวหลวงขนาดใหญ่หลากสีสันสวยงาม หากใครอยากสัมผัสแหล่งชุมชนดีตามวิถีสีเขียว รับประกันความสุขใจหาได้ง่าย ๆ ที่นี่
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
 
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์ และ ททท.